ท่อสแตนเลสเฟอร์นิเจอร์ NB

 

ท่านผู้อ่านที่ใช้ท่อสเตนเลสเป็นประจำคงทราบดีว่า ท่อที่เราใช้กันอยู่นั้นมีอยู่สองประเภท คือ ท่อเงา ซึ่งใช้สำหรับงานเฟอร์นิเจอร์เป็นส่วนใหญ่ และ ท่อผิวด้านใช้สำหรับงาน piping เดินระบบท่อ ท่อสองประเภทนี้ ใช้ระบบกำหนดขนาดต่างกัน กล่าวคือ ท่อเงา 1 หนา 1mm ก็จะมีขนาด OD = 25.4mm ID = 23.4mm  ในขณะที่ ท่อด้านจะกำหนดขนาดเป็น NB (Nominal Bore) size หรือที่บ้านเราเรียกกันว่า ไซส์แป๊บและกำหนดความหนาด้วย schedule เช่น pipe ขนาด 1 schedule 10 (ASTM) จะมี OD (Outside Diameter) เท่ากับ 33.4mm และมีความหนา 2.77mm ซึ่งเท่ากับมี ID (Internal Diameter) 27.9mm

ขนาดของท่อเงานั้นก็สมเหตุสมผลดีนะครับ เพราะเรียกขนาดตามวงนอก แต่เจ้า NB size นี่สิ ชวนให้สับสนดีแท้ เพราะ ขนาดNB 1” นั้น ไม่ใช่ทั้งวงนอกหรือวงใน ถ้าอยากทราบขนาดวงนอก/วงในที่แท้จริงก็ต้องมาเปิดตาราง ซึ่งตาราง NB นี้ก็มีหลายมาตรฐานนะครับ มีทั้งขนาดของอเมริกา (ASTM) ญี่ปุ่น (JIS) ยุโรป (DIN) แล้วทำไมต้องมากำหนดอะไรให้มันสับสนอย่างนี้ด้วยล่ะ

มาตรฐานที่กำหนดขึ้นมาชวนสับสนอย่างนี้ ถ้าถูกกำหนดมาแต่แรกเริ่มเมื่อมนุษย์เริ่มผลิตท่อได้คงไม่ได้รับการยอมรับแน่ๆ

เรื่องนี้มีที่มาที่ไปครับ

สเตนเลสถือกำเนิดขึ้นมาในปี 1912 ในสมัยที่ยังไม่มี สเตนเลส เราใช้เหล็กเป็นหลัก ท่อเหล็กมีการผลิตในเชิงอุตสาหกรรมมาตั้งแต่เมื่อประมาณ 150 ปีมาแล้ว ในสมัยก่อนนั้น เทคโนโลยีการผลิตท่อเหล็กยังจำกัด แรกเริ่มเดิมที ท่อเหล็กจะกำหนดขนาดตาม ID เป็นหลัก เช่น ท่อเหล็ก 1 ก็จะมีขนาดวงในเท่ากับ 1” จริง และมีความหนาอยู่ค่าเดียวสำหรับแต่ละขนาด ซึ่งก็ไม่มีอะไรให้สับสนครับ ต่อมา เมื่อเทคโนโลยีในการผลิตท่อพัฒนาขึ้น เราสามารถผลิตท่อได้บางลงและมีหลายความหนาเพื่อให้เลือกใช้ได้เหมาะสมกับลักษณะงาน คราวนี้เริ่มมีปัญหาครับ เพราะ หากยึดตามระบบเดิมคือยึด ID เป็นหลักในการใช้งาน ท่อแต่ละขนาดจะมีค่า OD หลายค่าและไม่สามารถใช้ร่วมกับท่อเดิมที่มีอยู่ได้ เพื่อให้สามารถใช้ร่วมกับท่อเดิมที่มีใช้งานอยู่แล้ว ท่อแต่ละขนาดที่ผลิตได้หลากหลายความหนานั้นจึงยึดตาม OD เป็นหลัก และให้ ID เปลี่ยนไปตามความหนา คราวนี้ OD ของท่อ 1 ใหม่เลยต้องเท่ากับ OD ของท่อ 1” ที่เคยใช้กันมาแต่แรก คือ ID (ของท่อระบบเก่า) รวมความหนา แต่พอยึดตาม ODเป็นหลัก เลยกลายเป็นว่า ID ของท่อใหม่ก็ไม่ใช่ 1 อีกต่อไป แต่จะขึ้นอยู่กับความหนาที่เปลี่ยนไป เพราะฉะนั้น ท่อ NB ขนาด 1” จึงไม่มีทั้ง OD หรือ ID ที่มีขนาด 1” แต่จำเป็นต้องเรียกว่า ท่อ 1 อยู่ เพื่อให้ใช้งานได้กับท่อในระบบเดิม ที่มาของตัวเลขชวนสับสนก็เป็นแบบนี้ล่ะครับ

ในปี 1927 ทางสมาคมมาตรฐานแห่งอเมริกาได้กำหนดมาตรฐานของท่อเหล็กขึ้นมา โดยมีแค่ 3 ความหนา คือ standard weight (STD), extra-strong (XS) และ double extra-strong (XXS) หลังจากใช้ระบบนี้ไปสักพัก ก็พบว่า ความหนาเพียง 3 ค่านี้ไม่เพียงพอสำหรับการใช้งานที่หลากหลาย ทางสมาคมจึงได้กำหนดระบบ schedule เพิ่มขึ้นมา โดยแบ่งความหนาให้ละเอียดขึ้นและอ้างอิงตามระดับแรงดันที่รับได้ ทางสมาคมตั้งใจจะให้ระบบ schedule เข้ามาแทนระบบเดิม โดยคาดหวังว่า ระบบเดิมจะถูกแทนที่ไปอย่างสมบูรณ์ด้วยระบบ schedule ในปี 1939 อย่างไรก็ตาม คำเรียกที่ใช้ในระบบเดิมก็ยังมีการใช้กันอยู่จนถึงทุกวันนี้ (บางครั้งก็เรียกว่าstandard, extra-heavy (XH), และ double extra-heavy (XXH)ระบบ schedule เองก็มีการปรับเปลี่ยน แก้ไขหลายครั้ง และมีหลายมาตรฐานตามแต่ละอุตสาหกรรม และประเทศต่างๆหลายประเทศก็กำหนดมาตรฐานของตนเองขึ้นมา

ท่อสเตนเลสนั้น เริ่มมีการใช้กันมากขึ้นในช่วงกลางศตวรรษที่แล้ว  การเข้ามาของท่อสเตนเลสทำให้เกิดความหนาใหม่ขึ้น เพราะคุณสมบัติของท่อสเตนเลสที่เกิดสนิมได้ยาก ทำให้ไม่ต้องเผื่อความหนาที่จะถูกสนิมกัดกร่อนเหมือนที่เกิดขึ้นในท่อเหล็ก ท่อสเตนเลสจึงสามารถผลิตให้บางลงไปได้อีก จึงมี schedule 5 , schedule 10 ที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในทุกวันนี้

ในบ้านเรานั้น ส่วนใหญ่แล้วจะใช้ระบบของอเมริกันคือ ระบบ ASTM มีบ้างที่ใช้ระบบญี่ปุ่น (JIS) เวลาจะสั่งซื้อก็ตรวจสอบให้ดีนะครับ

 

 

 

 
Visitors: 47,184